อาหารตัวร้าย ทำลายสมองที่เราต้องรู้

วันนี้แอดมินก็จะมาพูดถึง อาหารตัวร้าย ทำลายสมองที่เราต้องรู้ ทุกคนรู้มั้ยคะว่า อาหารที่ให้พลังงานสูงเนี่ย ทำให้สมองของเราแย่ลงยังไง หลายๆคนก็ก็อาจจะสงสัยว่า สมองของเราเนี่ยต้องการพลังงาน แต่ว่าอาหารที่ให้พลังงานสูงๆมันจะไม่ดีต่อสมองเรายังไง เดี๋ยววันนี้เรามาไขคำตอบไปพร้อมกันค่ะ แต่ก่อนที่จะไปดูความน่าสนใจ แอดมินก็ต้องขอฝากให้ไปติดตาม  โภชนาการคนท้อง กันด้วยนะคะ แล้วในวันนี้แอดมินก็ต้องขอขอบคุณ เบทฟิก68 ที่สนับสนุนบทความของเราในวันนี้ด้วยนะคะ

กลุ่มแรกก็จะเป็นกลุ่มหมวดอาหารพลังงานสูง ซึ่งรู้มั้ยคะว่า อาหารพลังงานสูงเนี่ย จะทำให้สมองเราแย่ลงยังไง ซึ่งอย่างที่เกินไปนะคะ ว่าถ้าอาหารที่มีพลังงานสูง มันจะไม่ดีเกี่ยวกับสมองยังไงจะเห็นว่าอาหารที่ให้พลังงานสูงสุด คืออาหารประเภทไขมันนะคะ ดังนั้นอาหารพลังงาน ที่ทำลายสมองคือกลุ่มอาหารที่มีไขมันที่ค่อนข้างเยอะ เดี๋ยวเรามาดูอันแรกกันก่อนเลยค่ะ อย่างเช่นเมนูหมูปิ้งนะ ปัจจุบันจะไม่ใช่หมูปิ้งแบบเนื้อล้วน จะเป็นหมูปิ้งแบบติดมันค่อนข้างเยอะ หมูปิ้งหนึ่งไม้ก็จะให้พลังงาน

ถึง 100 กิโลแคลอรี่เลย แล้วปกติซื้อกันก็ไม่ใช่หนึ่งไม้กันอยู่แล้ว แล้วก็ไขมันในนี้เนี่ย ก็จะเป็นไขมันที่เห็นว่า เป็นมันหมูค่อนข้างเยอะ ไขมันต่อหนึ่งไม้เนี่ยถึง 9 กรัมเลยค่ะ เท่ากับน้ำมันถึง 2 ช้อนชาเลยนะคะ ซึ่งตรงนี้เนี่ยมีไขมันถึงร้อยละ 35 เลยค่ะ พอพูดถึงเมนูหมูปิ้ง ก็จะนึกถึงเมนูไส้กรอกอีสานย่างเลย เพราะว่าการปิ้งย่างย่าง เหมือนกันอันนี้ก็หน้าตาดูน่ากินมาก ไส้กรอกอีสานเนี่ย ถ้าเราจัดกลุ่มในเรื่องของเนื้อสัตว์ ถือว่าเป็นเนื้อสัตว์แปรรูปนะคะ ถ้าเป็นขนาดนี้ประมาณ 5 ลูกหรือประมาณ 50 กรัมเนี่ย

ให้พลังงานพลังงานสูงถึง 234 กิโลแคลอรีเลย จะเห็นได้ว่าสูงมาก เพราะว่าในไส้กรอกอีสานเนี่ย จะมีไขมัน ผสมมากกว่าร้อยละ 50 เลย มันทำให้ 50 กรัม หรือประมาณ 5 ลูกเนี่ย มีไขมันถึง 21 กรัม เท่ากับน้ำมันประมาณ 4 ช้อนชาเลยค่ะ เยอะกว่าหมูปิ้ง 1 ไม้อีก

ซึ่งทั้งสองเมนูนี้ก็มีผลเสียต่อสมอง แน่นอนค่ะเพราะว่าปิ้งย่าง จะเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดสาร AGEs ซึ่งสารตัวนี้ ถามว่ามีผลเสียอย่างไร สารตัวนี้เป็นสารที่ทำให้เกิดอนุมูนอิสระ ทำให้เกิดการอักเสบที่เซลล์ประสาท ก็จะจะยิ่งซ้ำเติมทำให้ความเสื่อม

ของสมองเรายิ่งรุนแรงมากยิ่งขึ้นทับกับไขมันอิ่มตัวเข้าไปอีกนะคะ สำหรับเฟรนช์ฟรายส์ ก็เป็นอีกกลุ่มอาหารพลังงานสูง เป็นของทานเล่น ที่พลังงานไม่เล่นเลยนะคะ จริงๆเฟรนช์ฟรายส์เนี่ย 70 กรัมถึง 100 กรัม พลังงานเฉพาะเฟรนช์ฟรายส์ 345 กิโลแคลอรีเลยค่ะ อันนี้ยังไม่ได้จิ้มอะไรเลยนะคะ แล้วปัจจุบันเริ่มจิ้มซอสมะเขือเทศสองช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 40 กิโลแคลอรี่ แต่เราไม่หยุดแค่นั้นใช่ไหมคะ เดี๋ยวนี้มีซอสชีสเข้าไป แล้วเราก็จิ้มเข้าไปอีก สองช้อนโต๊ะต่อชีสเนี่ย 90 กิโลแคลอรีเลยค่ะ รวมกันเบ็ดเสร็จเนี่ย

ได้พลังงานเกือบ 500 กิโลแคลอรีเลย รวมแล้วเนี่ยไขมันประมาณ 27 กรัม ถ้าตีเป็นช้อนชา ก็ 6 ช้อนชาเลยค่ะ ตัวน้ำมันไม่ควรเกิ 6 ช้อนชาต่อหนึ่งวันนะคะ จะเห็นได้ว่าหนึ่งเสิร์ฟ หรือว่าหนึ่งที่เนี่ย ก็คือเต็มโควตาไปเลยทั้งวัน อันต่อมาก็คืออาหารไทยนะคะ ซึ่งอาหารไทยก็จริง ก็ไม่แพ้นะคะ ถ้าเป็นพวกแกงกะทิเนี่ย พลังงานสูงมากเลยนะคะ เพราะว่าแกงกะทิเนี่ย กะทิถือว่าเป็นกลุ่มไขมัน แล้วก็เป็นไขมันอิ่มตัวด้วย แน่นอนว่าไขมันอิ่มตัวเนี่ย มีผลต่อสมองของเราอย่างแน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้นแสดงว่าไขมันอิ่มตัว

เนี่ยก็ไม่ได้มีแค่เฉพาะในเนื้อสัตว์เท่านั้นนะคะ จากกะทิก็มีเหมือนกันกะทิ ถือว่าเป็นไขมันอิ่มตัวจากพืช ซึ่งชามหนึ่งเกือบ 500 กิโลแคลอรีเลยค่ะ ถือว่าเป็นพลังงานเต็มมากเลย แล้วก็ไขมันเกือบ 25 กรัมเลยถ้าตีเป็นน้ำมันประมาณ 5 ช้อนชาเลยค่ะ

โดยหลักการของการรับประทานอาหาร ว่าพลังงานสูงในมื้อหลักเนี่ย มันไม่ควรสูงเกินเท่าไหร่ ความจริงถ้าเราเคยอ่านฉลากโภชนาการด้านหลัง จะเห็นว่าพลังงานพลังงาน ที่เขาแนะนำต่อวัน โดยภาพรวมเนี่ยไม่ควรเกิน 2000 กิโลแคลอรีต่อวัน ดังนั้นในมื้อหลักเนี่ย

ไม่ควรเกิน 600 กิโลแคลอรีต่อมื้อ ดังนั้นถ้าอาหารอะไรที่มีพลังงานเกิน 600 กิโลแคลอรี่ต่อมื้อเนี่ย ก็ถือเป็นอาหารที่พลังงานสูงนะคะ มาถึงอาหารหมดสองนะคะ ที่มีโซเดียมสูง มีทั้งโจ๊ก ส้มตำ แล้วก็สุกี้แห้งค่ะ อันนี้เป็นเมนูที่เราน่าจะทานกันเป็นประจำอยู่แล้วนะคะ แต่ก่อนที่จะบอกว่าโซเดียม มันมีผลต่อสมองอย่างไร ให้ลองจัดลำดับดูนะคะ ว่าเมนูไหนมีโซเดียมเป็นอันดับหนึ่งสูงที่สุด รองลงมาแล้วก็น้อยที่สุดค่ะ  อย่างแรกเลยสำหรับส้มตำปูปลาร้าเนี่ย เพราะว่าหนึ่งจานเนี่ยโซเดียมถึง 2900 มิลลิกรัมเลย 

ดังนั้นถ้าเราบอกว่าเยอะไปไหม เยอะนะคะ เพราะว่าวันนึงเราต้องการโซเดียมตามคำแนะนำเพื่อไม่ให้โซเดียมส่งผลเสียต่อร่างกาย คือไม่ควรเกิน 2000 มิลลิกรัม ดังนั้นเนี่ยเราไปมื้อเดียว หนึ่งจานเราก็เต็มโควตาไปแล้ว แถมเกินด้วยซ้ำโซเดียม จากส้มตำปูปลาร้าเนี่ย แน่นอนว่าปลาร้า แน่นอนเป็นองค์ประกอบที่มีโซเดียมเยอะเลย แล้วก็มีใส่อะไรน้ำปลา เราแน่นอนว่าอาหารอีสานเนี่ย มักจะเติมเข้าไปอีกเพื่อให้รสกลมกล่อมหรือผงชูรส แถมปูเค็มถ้าใครกินด้วยเนี่ย ตัวปูเค็มก็จะหยิบโซเดียมเยอะเหมือนกัน

หนีไปไม่ได้เลยในปริมาณโซเดียมที่เยอะ สำหรับจานนี้สำหรับจานที่สอง ก็คือสุกี้แห้งนั่นเองค่ะ น่าจะดูเป็นอาหารสุขภาพ เพราะว่ามีผัก แล้วก็เนื้อสัตว์นะคะ แต่ความจริงแล้วเนี่ย ถ้าเอาเฉพาะตัวสุกี้แห้ง โดยยังไม่ได้ใส่น้ำจิ้มเพิ่มในนี้เนี่ย ตัวโซเดียมมากถึง 1500 มิลลิกรัมเลยค่ะ

แต่โดยปกติ แล้วจะเห็นว่าเวลาเค้าให้มาแบบนี้จะเติมน้ำจิ้มเข้าไปอีก แต่รู้มั้ยคะว่าหนึ่งช้อนโต๊ะ ของน้ำจิ้มสุกี้เนี่ย มีปริมาณโซเดียมถึง 280 มิลลิกรัมเลยค่ะ ถ้าใส่จนหมดถ้วยนี้ น่าจะไม่ต่ำกว่าสองช้อนโต๊ะ แน่นอนถ้าเราใส่ไปทั้งหมดแบบนี้

รวมแล้วน่าจะ 2000 กว่าแน่นอนค่ะ และเมนูจานสุดท้ายก็คือโจ๊กนั่นเองค่ะ ตัวโจ๊กเนี่ย ถ้าเป็นโจ๊กกึ่งสำเร็จรูป หรือถ้าใครรับประทาน เป็นพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งกลุ่มพวกนี้เนี่ยถือว่า เป็นกลุ่มอาหารที่เป็นอาหารแปรรูปนะคะ ซึ่งอาหารแปรรูปเนี่ย

ถ้าในรูปแบบของโจ๊กกึ่งสำเร็จรูปเนี่ย ก็จะประมาณ 1300 มิลลิกรัม ของโซเดียม แต่ถ้าเป็นพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็จะเป็น 1005 ถึง 1700 มิลลิกรัม ดังนั้นถ้าในหมวดหมู่ตรงนี้ ถามว่าโซเดียมถือว่าเป็นอันดับสุดท้ายไหม แต่ถ้าว่าโซเดียมน้อยๆก็ไม่ได้น้อยนะคะ

ถ้าเป็นโควตาของปริมาณโซเดียม ต่อวันก็กินไปมากกว่า 50% เลยค่ะ ตอนนี้รู้ว่าอาหารประเภทไหน ที่มีโซเดียมอยู่เยอะ แต่โซเดียมที่มันเยอะเกินไป มันจะไม่ดียังไงคะ เพราะว่าการที่เราได้รับโซเดียมมาก จนเกินไปก็ทำให้ความดันโลหิตเราสูง หลอดเลือดเราเสียหาย สมองแน่นอนว่าก็จะส่งผลเสียแน่นอนค่ะ ดังนั้นวิธีการกินก็คือเราพยายามกินอาหารที่มันไม่ได้ผ่านกระบวนการแปรรูป ทางอุตสาหกรรม ปรุงสุกใหม่ๆนะคะ อะไรที่มันมีซอสมีเครื่องจิ้มต่างๆ ที่มีโซเดียมก็อย่าไปใส่เยอะ อันนี้ก็มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราค่ะ

ก่อนจากกันแอดมินก็ขอฝากเว็บไซต์แนะนำ อาหาร และความรู้ดีๆเอาไว้ด้วยนะคะ

Recommended Articles